วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2559

เลือกอุปกรณ์ประกอบคอมพิวเตอร์

           ฮัลโหลลลล...สวัสดีค่ะ กลับมาพบมาเจอกันอีกครั้งนะคะสำหรับเพื่อน ๆ ชาวไอทีทุกคน  ตามที่สัญญากันในบล็อกก่อนหน้านี้ว่าจะนำเอาสาระดีๆมาฝากเพื่อน ๆ ทุกคน วันนี้ก็มีมาฝากอีกเช่นเคยคะ วันนี้จะไปเลือกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการทำงานทั่วไปในราคา 17,000 บาท 
ไปติดตามข้างล่างนี้ได้เลยค้าาาา^_^

           เราเริ่มกันเลย เมื่อเราจะเริ่มการเลือกอุปกรณ์ เราต้องคำนึงถึงพื้นที่การทำงานเราจำควรเลือกจากตัวเคสก่อนนะค่ะ เราเลือกเป็น 

COOLER MASTER Elite 310 (Black-Silver)


มีขนาด กว้าง 191 สูง 437 ลึก 468 ราคา 1,290 บาท ค่ะแล้วเราก็จะมาเลือกอุปกรณ์ที่จะใส่ลงไปในเคสกัน
ต่อไปก็จะเป็น MAINBOARD 

GIGABYTE GA-H81M-S2PV


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ gigabyte ga-h81m-s2pv
รองรับ CPU แบบขาเป็นตุ่ม หรือ Socket  LGA1150  รองรับ Pentium ไปจนถึง Core i7
มี Solt แรม 2 ช่อง เป็น แรมชนิด DDR3 Bus 1066/1333/1600 ความจุสูงสุด 16 GB
มีการ์ดจอออนบอร์ด ราคา 1,910 บาท
ต่อไปจะเป็น CPU

INTEL Core i5-4690K



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ INTEL Core i5-4690K
Socket LGA1150 หรือ แบบขาตุ่มง่ายต่อการถอดประกอบ มี 4 Core 4 Thread ความเร็วปกติ 3.50 GHz เร่งสูงสุดได้ 3.90 GHz ราคา 8,600 บาท
ต่อไปนะค่ะ แรมค่ะ

KINGSTON Hyper-X Fury DDR3 8GB 1600 Black

KINGSTON Hyper-X Fury DDR3 8GB 1600 Black
เป็นแรมชนิด DDR3 ความจุ 8GB Bus 1600 ราคา 1,260 บาท
ต่อไปเป็น ฮาร์ดดิส นะค่ะเราเน้นใช้งานนานหน่อยจึงเลือกความจุเยอะนะค่ะ

WESTERN DIGITAL Blue 1TB WD10EZEX

Western Digital Blue 1TB WD10EZEX
ความจุ 1 TB ความเร็วจานหมุน 7200 รอบ/นาที ราคา 1,640 บาท
และสุดท้ายนะค่ะ 

SUPERFLOWER Silver Green FX-500W

SuperFlower Silver Green FX-500W

กำลังไฟสูงสุด 500W ราคา 2,100 บาท
รวมทั้งหมด 16,800 บาท นะค่ะไม่เกินงบที่เราตั้งไว้

ขอบคุณเพื่อนชาวไอทีทุกคนที่สนใจและเข้ามาดู วันนี้เจ้าของกระทู๊ลาไปก่อนแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะค่ะ สวัสดีค่ะ ^^




วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

กระบวนการเริ่มต้นระบบคอมพิวเตอร์

             ฮัลโหลลลล...สวัสดีค่ะ กลับมาพบมาเจอกันอีกครั้งนะคะสำหรับเพื่อน ๆ ชาวไอทีทุกคน  ตามที่สัญญากันในบล็อกก่อนหน้านี้ว่าจะนำเอาสาระดี ๆ มาฝากเพื่อน ๆ ทุกคน วันนี้ก็มีมาฝากอีกเช่นเคยคะ  ว่าแต่ว่าสาระดีๆที่ว่าจะเป็นอะไรนั้น ไปติดตามในวิดีโอข้างล่างนี้ได้เลยค้า^_^

การตรวจสอบตนเองก่อนเปิดเครื่อง (Power-On-Self-Test)




เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์จะสังเกตุเห็นว่าหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายวินาที จริงๆ แล้ว คอมพิวเตอร์ไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่กำลังทำงานอยู่ งานที่เป็นงานซับซ้อน ประกอบด้วยการจัดการสิ่งต่างๆ มากมาย เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นทำงานอย่างถูกต้อง และตรวจสอบว่ามีอุปกรณ์อะไรต่ออยู่กับตัวมันเองบ้าง และถ้ามีบางอย่างผิดพลาดคอมพิวเตอร์ก็จะแสดงข้อความเตือนขึ้นมา การทำงานดังกล่าวนี้เป็นการเริ่มต้นของการทำงานที่ซับซ้อนต่างๆ มากมาย เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การบูตอัพ (boot-up) หรือเรียกสั้นๆ ว่า การบูต (boot) ขั้นตอนการบูตเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งเป็นขั้นตอนการดึงระบบปฏิบัติที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์ของเครื่องมาทำงาน ระบบปฏิบัติการเป็นชุดของคำสั่งที่ทำหน้าที่เป็นตัวประสานการทำงานระหว่างอุปกรณ์ต่างๆของคอมพิวเตอร์ โปรแกรมประยุกต์ และมนุษย์  แต่ก่อนที่คอมพิวเตอร์จะดึงระบบปฏิบัติการมาทำงานนั้น จะต้องแน่ใจก่อนว่าอุปกรณ์ต่างๆ นั้นทำงานถูกต้อง และซีพียูและหน่วยความจำทำงานถูกต้อง การทำงานดังกล่าวเรียกว่า การตรวจสอบตนเองก่อนเปิดเครื่อง (POST ย่อมาจาก Power-On-Self-Test) 

ถ้ามีบางอย่างผิดพลาด หน้าจอจะขึ้นข้อความเตือน หรือส่งสัญญาณเสียง “ปี้บ” ซึ่งมีอยู่หลายแบบขึ้นอยู่กับชนิดของความผิดพลาดที่เกิดขึ้น จริงๆ แล้ว ข้อความเตือนความผิดพลาดหรือสัญญาณเสียงปี้บ นั้น อาจไม่ได้เกิดจากข้อผิดพลาดนั้นๆ โดยตรง แต่ก็พอจะบอกได้ว่าอุปกรณ์ใดมีปัญหา จุดประสงค์โดยทั่วไปก็คือตรวจสอบว่าคอมพิวเตอร์มีความผิดพลาดเกิดขึ้นหรือไม่
แต่ถ้าไม่มีข้อความเตือนหรือเสียงปี้บ ก็ไม่ได้หมายความว่าอุปกรณ์ต่างๆ ทำงานถูกต้องสมบูรณ์ทั้งหมด เนื่องจากการตรวจสอบตนเองก่อนเปิดเครื่องนั้นสามารถตรวจสอบข้อผิดพลาดทั่วๆไปได้เท่านั้น ซึ่งอาจบอกได้เพียงว่าอุปกรณ์ที่จำเป็นพื้นฐานเช่น แป้นพิมพ์ การ์ดแสดงผล ได้ต่ออยู่กับเครื่องหรือไม่ เท่านั้น อาจจะดูเหมือนว่าการตรวจสอบตนเองก่อนเปิดเครื่องนั้นไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก นั้นเพราะว่าคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ทำงานได้ปกติ แต่ถ้าไม่มีขั้นตอนนี้แล้วจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีอุปกรณ์ใดยังไม่ได้ต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์และทำงานปกติดีหรือไม่

การทำงาน

เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ กระแสไฟฟ้าจะวิ่งไปตามเส้นทางที่ได้กำหนดไว้ไปยัง ซีพียู เพื่อลบข้อมูลเก่าที่ยังคงค้างอยู่ใน หน่วยความจำของซีพียู หรือเรียกว่า เรจิสเตอร์ (Register) สัญญาณทางไฟฟ้าจะไปตั้งค่าเรจิสเตอร์ของซีพียูตัวหนึ่ง มีชื่อว่า ตัวนับโปรแกรม หรือ Program counter ค่าที่ตั้งให้นั้น ค่าที่ตั้งนั้นเป็นค่าที่บอกให้ ซีพียู รู้ตำแหน่งของคำสั่งถัดไปที่จะต้องทำ ซึ่งตอนเปิดเครื่อง ตำแหน่งที่ต้องส่งไปก็คือตำแหน่งเริ่มต้นของคำสั่งบูต ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมบูตจะเก็บอยู่ในหน่วยความจำที่เรียกว่า ไบออส (BIOS ย่อมาจาก Basic Input/Output System)  
ขั้นต่อไปคือการตรวจสอบหน่วยความจำที่อยู่ในการ์ดแสดงผลและสัญญาณวิดีโอที่ควบคุมการแสดงผลบนหน้าจอ ต่อจากนั้นจะสร้างรหัสไบออสให้การ์แสดงผลเป็นส่วนหนึ่งของระบบ ถึงขั้นตอนนี้คุณจะเห็นมีบางสิ่งบางอย่างปรากฏบนหน้าจอคุณ
การตรวจสอบต่อไปคือการตรวจสอบ แรมชิบ (RAM Chip) โดยซีพียูจะเขียนข้อมูลลงในชิบ แล้วอ่านออกมาเทียบกับข้อมูลที่ส่งไปเขียนตอนแรก และเริ่มนับจำนวนความจุของหน่วยความจำที่ถูกตรวจสอบแล้ว ซึ่งในระหว่างนี้ก็จะมีการแสดงผลขึ้นบนหน้าจอด้วย
ต่อไปซีพียูจะตรวจสอบคีย์บอร์ดว่าได้ต่ออยู่กับคอมพิวเตอร์หรือไม่ และตรวจสอบว่ามีการกดแป้นคีย์บอร์ดหรือไม่
ต่อมาก็จะส่งสัญญาณไปตามเส้นทางบัส เพื่อหาไดร์ฟต่างๆ และคอยจนกว่าจะได้สัญญาณตอบกลับเพื่อเป็นการตรวจสอบว่าไดร์ฟทำงานได้หรือไม่

คอมพิวเตอร์ของจะไม่สามารถทำงานใดๆ ได้เลย  ถ้าไม่มีซอฟต์แวร์ระบบ หรือ ระบบปฏิบัติการ ที่เป็นโปรแกรมที่คอยประสานการทำงานของ โปรแกรมอื่น ให้สามารถทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้ แต่ก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะทำงานได้นั้น จะต้องถูกดึงมาไว้ที่หน่วยความจำหลักเสียก่อน เราเรียกกระบวนการนี้ว่า บูตสแทรบ (Bootstrab) หรือเรียกสั้นๆ ว่า บูต (Boot) ซึ่งเป็นคำสั่งสั้นๆ ที่จะต้องมีอยู่ในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง  การที่เราเรียกว่า “บูตสแทรบ” เพราะมันเป็นการทำให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ขั้นตอนการบูตไม่ได้ทำอะไรมากนัก จริงๆ แล้วมีการทำงานเพียง 2 อย่างเท่านั้น คือ การตรวจสอบตนเองก่อนเปิดเครื่อง และการค้นหาไดร์ฟ ที่เก็บระบบปฏิบัติการ เมื่อการทำงานเสร็จสมบูรณ์ เครื่องก็จะรู้ว่าระบบปฏิบัติการถูกเก็บไว้ที่ไหน ก็จะทำการดึงระบบปฏิบัติการโดยการอ่านไฟล์ระบบปฏิบัติการและคัดลอกไปไว้ในหน่วยความจำหลักของเครื่อง หรือ แรม (Random Access Memory : RAM)  ระบบปฏิบัติการในปัจจบันมีให้เลือกมากมาย ได้แก่ ไมโครซอฟต์วินโดว์ (Microsoft Window) ลินุกซ์ (Linux) เป็นต้น


                จากนั้น ซีพียูจะส่งสัญญาณไปตามบัส (Bus) ซึ่งเป็นวงจรทีเชื่อมอุปกรณ์ทุปอย่างเข้าด้วยกัน เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทุกอย่างทำงานในคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าๆ จะมีโปรแกรมที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของซีพียูเพื่อให้แน่ใจว่า การทำงานนั้นเป็นไปตามจังหวะของสัญญาณนาฬิกาของระบบ




......รูปแสดงการทำงาน......


ขอบคุณเพื่อนชาวไอทีทุกคนที่สนใจและเข้ามาดู วันนี้เจ้าของกระทู๊ลาไปก่อนแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะค่ะ สวัสดีค่ะ ^^




วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559

การถอดประกอบคอมพิวเตอร์ และวัดกำลังศักย์ไฟฟ้า

            ฮัลโหลลลล...สวัสดีค่ะ กลับมาพบมาเจอกันอีกครั้งนะคะสำหรับเพื่อน ๆ ชาวไอทีทุกคน  ตามที่สัญญากันในบล็อกก่อนหน้านี้ว่าจะนำเอาสาระดีๆมาฝากเพื่อน ๆ ทุกคน วันนี้ก็มีมาฝากอีกเช่นเคยคะ  ว่าแต่ว่าสาระดีๆที่ว่าจะเป็นอะไรนั้น ไปติดตามในวิดีโอข้างล่างนี้ได้เลยค้าาาา^_^






วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

การวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าของพาวเวอร์ซัพพลาย

            ฮัลโหลสวัสดีค่ะชาวไอทีทุก ๆ คน  เจอกันอีกแล้วนะคะกับบล็อกนี้  วันนี้เราจะมารีวิวการวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าของพาวเวอร์ซัพพลายให้ดูกันว่าเป็นยังไง เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ





ขั้นตอนแรกเลยนะค่ะเราต้องเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดกันก่อนคะ  มีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยคะ


1. มัลติมิเตอร์






2. พาวเวอร์ซัพพลาย





3. แหนบ




อุปกรณ์ที่สำคัญก็จะมีประมาณนีนะค่ะ  เมื่อเราเตรียมอุปกรณ์ครบทั้งหมดแล้วก็มาเริ่มกันเลยดีกว่าคะ

ขั้นตอนแรกให้นำแหนบมาเสียบที่ PIN 14 และ 15 เหมือนในรูป



          และต่อไปก็ทำการเสียบปลั๊กให้พาวเวอร์ซัพพลายทำงาน  หลังจากนั้นก็นำมัลติมิเตอร์มาทำการวัดค่าไฟฟ้าในแต่ละ Pin โดยให้เราปรับค่าสเกลไปที่แรงดัน DC 20V   จากนั้นก็นำสายวัดมิเตอร์สีดำต่อลงกราวด์หรือเสียบลงรูน๊อตที่ยึดพาวเวอร์ซับพลายไว้  สุดท้ายในขั้นตอนนี้เราก็นำสายวัดมิเตอร์สีแดงไปวัดในแต่ละ Pin  ว่ามีกำลังไฟเท่าไหร่



วิดีโอการวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าของพาวเวอร์ซัพพลาย




          เสร็จสิ้นแล้วค๊าาา สำหรับการวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าของพาวเวอร์ซัพพลาย  ขอบคุณชาวไอทีทุกคนที่เข้ามาติดตามชมและศึกษานะค่ะ ไว้เจอกันใหม่ในบล็อกหน้า รับรองว่ามีสาระดีๆ มาฝากอีกแน่นอน วันนี้เจ้าของกระทู้ลาไปก่อนแล้ว ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้า สวัสดีค่ะ ^^

     

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Review การเปิด - ปิดคอมพิวเตอร์นอกเคส


     ฮัลโหล...สวัสดีค่ะเจอกันอีกแล้วค๊าา มีอะไรดี ๆ มาฝากชาวไอทีอีกเช่นเคย  วันนี้จะเป็นการรีวิว การเปิด - ปิดคอมพิวเตอร์นอกเคส  การเปิด - ปิดเครื่องในที่นี้ไม่ใช้ปุ่ม Power ใช้เปิด-ปิดธรรมดานะ  แต่เป็นการต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่บอร์ดข้างนอกเคส  ฟังดูอาจจะแปลกนะค่ะ 555 เรามาดูดีกว่าว่าจะสามารถเปิดคอมพิวเตอร์ได้มั้ย 
1 2 3 ไปกันเล๊ยยยย.......5555





       ขั้นตอนแรกเลยคือรื้อค่ะ 555 เราจะรื้อทุกอย่างออก แล้วแกะอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทุกอย่างออกจากเมนบอร์ด ต่อจากนั้นให้ไปศึกษาใน Data Sheet ควรทำความเข้าใจ เกี่ยวกับการเปิด/ปิดคอมพิวเตอร์ผ่านทางเมนบอร์ดว่าทำยังไง เมื่อศึกษาข้อมูลมาอย่างดีแล้ว  เราก็มาเริ่มกันเลยค๊าาา 





       

      หลังจากที่ต่ออุปกรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว  ทีนี้เราก็จะทำการเปิด - ปิด เครื่องนอกเคส  ว่าแต่ว่าจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้วว่าเราจะไม่เปิด-ปิดง่ายๆ โดยปุ่ม Power  แล้วเราจะเปิดเครื่องได้ยังไงใช่มั้ย 555 คำตอบก็คือ ไขควง  ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ เราจะเปิด-ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์นี้ด้วย ไขควง และนี่ก็คือหน้าตาเจ้าไขควงมากความสามารถนี้ค่ะ


    จากนั้นเราจะใช้ไขควงเปิดเครื่อง  ทำได้โดยการเอาไขควงไปแตะที่พินสีดำ ถ้าหากพัดลมหมุนทำงาน นั่นก็คือเราสามารถใช้งานได้ตามปกติคะ จะได้ดังภาพนี้ 







          และเมื่อเราต้องการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ให้นำไขควงไปแตะที่พินสีดำที่เดิม  โดยแตะค้างไว้จนกว่าพัดลมจะหยุดหมุน หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ดับไปนั่นเอง


          และถ้าเราต้องการจะรีเซตเครื่อง  ให้เรานำไขควงไปแตะที่พินที่ช่องสีแดงค้างไว้นะคะ  ซักพักจอคอมพิวเตอร์จะดับไปและติดขึ้นมา  ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ได้รีเซตเรียบร้อยแล้วคะ


วิดีโอบรรยากาศในการการสาธิตค้าาาา....




          เสร็จสิ้นแล้วค๊าาา สำหรับการเปิด - ปิดคอมพิวเตอร์นอกเคส  ถือว่าประสบความสำเร็จค่ะ ทุกคนในห้องปลอดภัยดีไม่มีการระเบิดใดๆ ทั้งสิ้น 555 สุดท้ายนี้ขอบคุณชาวไอทีทุกคนที่เข้ามาติดตามชมและศึกษานะค่ะ 
ไว้เจอกันใหม่ในบล็อกหน้า รับรองว่ามีสาระดีๆ มาฝากอีกแน่นอน วันนี้เจ้าของกระทู๊ลาไปก่อนแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะค่ะ สวัสดีค่ะ ^^

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

มาแล้ววววว!!! Review การเปลี่ยนพัดลมพาวเวอร์ซัพพลา

               สวัสดีคะทุกๆ คน วันนี้ก็เจอกันอีกตามเคยนะคะ ชาวไอทีทุกคนที่ติดตามวันนี้เรามีสาระดีข้อมูลดี ๆ มาฝากกันอีกตามเคยคะ  บล็อกนี้ก็เหมือนเดิมกับทุก ๆ บล็อกเช่นเคย คือเราได้เช็คคอมพิวเตอร์ในห้องสุสานห้องคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยราชภัฎชื่อดังในหนึ่งในอุดรธานีมา คอมพิวเตอร์ที่เรานำมาเช็คในวันนี้ก็คือเครื่องเดิม แต่พัดลมเพาเวอร์มันเสียไม่สามารถใช้งานได้ เราเลยจะรีวิวการเปลี่ยนพัดลมพาวเวอร์ซัพพลายคอมเครื่องนี้ให้ดูกัน  ขั้นตอนในการเปลี่ยนจะยุ่งยากมากน้อยเพียงใด หรือง่ายๆ เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก จะได้รู้กันในไม่ช้านี้ มาดูกันเล๊ยยย^^
          ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัว และผู้ร่วมชะตากรรมกันอีกเช่นเคย
คนที่ 1 ----> เจ้าของบทความ นางสาวนิภาพร   ทองคำสุข (เริ่มจากซ้ายมือนะเสื้อสีม่วงคนสวยๆอ่ะ) 
คนที่ 2 ----> นายกฤตพจน์   พลยศ
คนที่ 3 ----> นางสาวจุฑาลักษณ์   ใจชื่น



              ก่อนอื่นนะคะ เรามาดูอุปกรณ์ที่ใช้ในการเปลี่ยนก่อนว่ามีอะไรบ้าง  อุปกรณ์ที่เราใช้
เปลี่ยนพัดลมพาวเวอร์ซัพพลาย  ก็มีดังนี้
1.      หัวแร้ง



2.      ตะกั่วบัดกรี




3.      ตัวดูดตะกั่ว



4.      ขี้ผึ้ง




5.      สก็อตไบร์



              ก่อนอื่นเลยนะเราแกะเอาพาวเวอร์ซัพพลายออกมาจากเคสก่อนนะคะ



ต่อไปเราก็แกะฝาของพาวเวอร์ซัพพลายออกมาจากเคส 





นี่ไงเพาเวอร์ซัพพลายของเรา หน้าตาเป็นอย่างงี้ 5555



              ขั้นตอนต่อไปเราก็แกะเอาแผงวงจรออกมาจากตัวพาวเวอร์ซัพพลาย  เพื่อที่จะได้สะดวกในการเปลี่ยน และไม่เป็นอันตราย  ไม่ก่อเกิดความเสียหายแก่แผงวงจรอีกด้วยน๊า


  และเจ้านี่ก็คือพัดลมที่เราจะทำการเปลี่ยนมัน



              จากนั้นนะ เราก็นำจะนำหัวแร้งมาบัดกรีเอาสายไฟออก  สายไฟเรามีอยู่ 2 เส้นเราจะบัดกรีออก  คือมีสายสีแดง และสีดำ
           
         จากนั้นเราก็เริ่มมาบัดกรีกันเลย  การบัดกรีนั้นเราจะทำอยู่ด้านหลังของแผงวงจร มองดูว่าสายสีดำและสายสีแดงของเรานั้นอยู่ที่ตำแหน่งไหน จากกันก็ลงมือเลย




             อย่ารอช้าต่อไปก็นำพัดลมตัวใหม่มาเปลี่ยนได้เลยจ้า

             
                มาถึงขั้นตอนอันสำคัญคือเราจะประกอบตัวพัดลมกับแผงวงจร  เราจะบัดกรีทีละเส้น  โดยใส่สีดำก่อนเพราะมันจะอยู่ข้างในสุด  ต่อไปก็ค่อยต่อสายสีแดง  ปล.เพื่อความปลอดภัยอย่าให้ตะกั่วของสองเส้นนี้ติดกันนะจ้ะ


               เสร็จแล้วในการเปลี่ยนพัดลมของเรา  จากนั้นเรามาทดสอบกันว่า พัดลมที่เปลี่ยนนั้นสามารถใช้ได้มั้ย  การทดสอบเราจะใช้ลวดหรืออุปกรณ์ที่นำไฟฟ้า จี้ที่ Pin 14 และ 15 หรือสังเกตดูว่าจะเป็นสายไฟสีเขียวและสีดำ



               จากนั้นเราก็เสียปลั๊กดูว่าพัดลมที่เปลี่ยนนั้นหมุนหรือไม่  ถ้าหมุนแสดงว่าใช้งานได้ปกติ  จากนั้นก็ประกอบกลับที่เดิม เราถือว่าเราทำการเปลี่ยนพัดลมได้สำเร็จ
ต่อไปก็คือวิดีโอเล็กๆน้อยๆ บรรยากาศในการเสี่ยงชีวิตเปลี่ยนเพาเวอร์ซัพพลาย 555

ขั้นตอนการบัดกรี

วิดีโอการเทสพัดลมหลังเปลี่ยนเสร็จ


            สุดท้ายแล้วนะ เจ้าของบล็อกต้องขอขอบคุณชาวไอทีทุกคนเลยนะที่ติดตาม  การเปลี่ยนพัดลมพาวเวอร์ซัพพลายของเราในวันนี้  ถ้ามีโอกาสเจ้าของบล็อกจะมารีวิวชำแระชิ้นส่วนคอมให้ดูอีกนะ  เจอกันใหม่ในบล็อกต่อไปจ้า บ๊ายบายยยยย^^